วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

ศีกษาดูงานนอกสถานที่

เมื่อวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน 2552 ได้ออกศึกษาดูงานนอกสถานที่ ภายในจังหวัดราชบุรี
เราเข้ารวมตัวกันบริเวณสนามโรงเรียนตั้งแต่เวลา 7.ooน.
กว่าจะรวมตัวกันเสร็จและออกเดินทางกินเวลาไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ ที่แรกที่เราได้เดินทางไปถึงนั้นคือสวนมะพร้าวที่ทำน้ำตาลสดๆจากมะพร้าวอยู่วัดเพลงนี่เอง เป็นบ้านปกติในสวนมะพร้าวไม่ต่างอะไรจากบ้านของพวกเราเท่าไรนักที่ต่างคงจะเป็นหน้าบ้านมีเตาน้ำตาลขนาดย่อมอยู่เท่านั้นกับกองเปลือกมะพร้าวอยู่หน้าบ้าน
ไปถึีงทางเจ้าของบ้านก็ไม่ให้เสียเวลา ทักทายกันเสร็จก็นำขบวนสู่สวนมะพร้าวที่อยู่รอบบริเวณบ้านกันเลย
ลุงเจ้าของบ้านได้สาธิตการขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อตัดยอดอ่อนมะพร้าวที่ยังไม่เป็นลูก ช่วงนี้จะเป็นดอกมะพร้าวอยู่
ให้รูดเอาดอกออกให้หมดลุงบอกว่าถ้าไม่รูดดอกออกมันจะเอาน้ำไปเลี้ยงดอกหมดเค้าจึงรูดดอกออกให้หมดเืพื่อให้น้ำที่จะเอาไปเลี้ยงดอกไหลออกมาใส่กระป๋องที่เตรียมไว้นั่นเอง
แล้วจะนำเอาน้ำที่ได้มาเนี่ยไปเคียวไฟแล้วจึงกลอกลง วัสดุแม่พิมพ์ที่ทำมาจากจานสังกะสีธรรมดาครอบด้วยถุงพลาสติก บางส่วนก็เทใส่น้ำแข็ง กลายเป็นน้ำตาลสดเย็นๆแสนอร่อยและหอมหวานให้ เด็กๆที่ไปดูงานในครั้งนั้น ชิมกันอย่างไม่กลัวหมดเลยทีเดียว ส่วนน้ำตาลที่ลงแม่พิมพ์แล้วก็ได้จำหน่ายให้กับนักเรียน ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดอีกด้วย พอจับจ่ายซื้อน้ำตาลกันเสร็จตัวแทนนักเรียนก็ได้กล่าวอำลา ลุงผู้เป็นเจ้าของบ้านทำน้ำตาลมะพร้าวเพื่อเดินทางไปสถานที่ต่อไป
เมื่อขึ้นรถเดินทางไม่ถึง 15 นาที ก็มาถึง วัดเก่าแก่ที่นึง ชื่อว่า วัดเกาะศาลพระ และเป็นที่ๆเราพัก รับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ แต่ก่อนจะทานข้าวกันพวกเราก็ได้เดินชมโบราณสถานเก่าแก่ภายในวัดกันอย่างร่มเย็นสบายและกราบไหว้พระประธานเก่าแก่ในวัดด้วย จากนั้นจึงมานั่งรับประทานอาหารในบริเวณพื้นที่โล่งและร่มเย็นไปด้วยต้นโพธิ์ใหญ่ภายในวัด และเด็กๆก็หามุมถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
สถานที่ต่อไปที่เราได้แวะเยี่่ยมชมนั่นก็คือกลุ่มทำ กล้วยอบม้วน ซึงกลุ่มสมาชิกแม่บ้านกลุ่มนี้ได้นำกล้วยที่มีมากเกินไปจนไม่รู้จะทำยังไงลุงที่อยู่ในนั้นบอกว่าแต่ก่อนมีเยอะขนาดเอาไปให้ลิงกินมันยังเบื่อเลย
ก็ได้คิดแปรรูปกล้วยที่มีเยอะพวกนี้ออกมาเป็นกล้วยม้วนแสนหวานและอร่อยมากๆจน สร้างรายได้ปีหลายแสนบาทส่งไปทั่วประเทศ และตามเดิมเด็กๆได้จับจ่ายกับการซื้อกล้วยม้วนกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว ซื้อเยอะขนาดไหนหรอครับ ก็ไม่พอขายกันเลย และกลุ่มแม่บ้านกลุ่มนี้ได้รับคำชมไม่ขาดปากว่า อร่อยจริงๆ
จนคนผลิต ยิ้มไม่หุบกันเลยและก็รำลาไปที่อื่นต่อ ที่ต่อไป
คือโบสคลิส 100 ปี โบสที่นี่ถึงจะมีอายุที่ยาวนานแต่สภาพก็ไม่ไ้ด้เสื่อมสลายไปเลยเพราะมีการบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลาและข้างในยังคงความสวยงามให้เราได้ชมกันอยู่
และที่ต่อไปเป็นที่สุดท้ายและท้ายสุดคือ กลุ่มทอผ้าไทยทรงดำ อยู่ในอำเภอปากท่อนั่นเอง ซึ่งกลุ่มนี้เป็นการอนุรักษ์การทอผ้าพื้นเมืองของหมู่บ้านไทยทรงดำเอาไว้ผ้าบางผืนใช้เวลาทอเป็นเดือนแต่ก็มีราคาที่สูงถึง หนึ่งหมื่นขึ้น แต่เป็นงานที่ปราณีต และมีการรำแบบพื้นเมืองให้น้องๆนักเรียนชมกันและก็เหมือนเดิม ช็อปๆกันอีกแล้วเด็กๆได้เวลาจับจ่ายผ้าที่ได้รับการทออย่างปราณีตกันคนละผืนกลับฝากพ่อแม่ที่บ้านกันอย่างอบอุ่น และก็รำลาเดินทางกลับยังโรงเรียนเหมือนเดิมในเวลา 17.oo น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น